เนื่องจากสภาพอากาศแดดแรงในตอนกลางวัน อากาศเย็นอุณหภูมิต่ำลงในตอนกลางคืน ทำให้เกิดปัญหาเพลี้ยจั๊กจั่นในมะม่วง ระยะการเจริญเติบโตแทงช่อดอก - พัฒนาผล
อาการที่พบ
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยทำลายใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก และยอดอ่อน ระยะที่ทำความเสียหายให้มากที่สุด คือ ระยะที่มะม่วงกำลังออกดอกโดยดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอก ทำให้แห้งและดอกร่วง ติดผลน้อย หรือไม่ติดเลย ระหว่างที่เพลี้ยจั๊กจั่นดูดกินน้ำเลี้ยงจะถ่ายมูลมีลักษณะเป็นน้ำหวานเหนียว ๆ ติดตามใบ ช่อดอก ผล และ รอบ ๆ ทรงพุ่ม ทำให้ใบมะม่วงเปียกต่อมาจะเกิดราดำปกคลุม ถ้าเกิดมีราดำปกคลุมมาก มีผลต่อการสังเคราะห์แสงใบอ่อนที่ถูกดูดดน้ำเลี้ยง (โดยเฉพาะระยะใบเพสลาด) จะบิดงอโค้งลงด้านใต้ใบ จะมีอาการปลายใบแห้งให้สังเกตได้
แนวทางป้องกัน/แก้ไข
๑. การตัดแต่งกิ่งภายหลังเก็บผลผลิต ช่วยลดที่ หลบซ่อนของเพลี้ยจักจั่นลง ทำให้การพ่นสารฆ่า แมลงมีประสิทธิภาพดีขึ้น
๒. ถ้าไม่มีการป้องกันกำจัด มะม่วงจะไม่ติดผลเลย จึงควรพ่นด้วยสารฆ่าแมลงแลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน ๒.๕% อีซี อัตรา ๒๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ คาร์บาริล ๘๕% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา ๖๐ กรัมต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด ๑๐% เอสแอล อัตรา ๑๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร ก่อนมะม่วงออกดอก ๑ ครั้ง เมื่อช่อดอกบานแล้วไม่ควรพ่นสารฆ่าแมลง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อแมลงผสมเกสร และ หมั่นตรวจดูตามช่อดอกอยู่เรื่อยๆ
๓. การพ่นสารฆ่าแมลงให้มีประสิทธิภาพควรพ่นให้ ทั่วถึงลำต้น มิเช่นนั้นตัวเต็มวัยจะเคลื่อนย้ายหลบ ซ่อนไปยังบริเวณที่พ่นสารฆ่าแมลงไม่ถึง นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการปรับหัวฉีดให้เป็นละอองฝอย และระยะเวลาการพ่น
๔. ใช้น้ำฉีดล้างช่อดอกและใบ เพื่อช่วยแก้ปัญหา ช่อดอกและใบดำจากโรคราได้บ้าง ถ้าแรงอัดฉีด ของน้ำแรงพอก็ช่วยให้เพลี้ยจักจั่นมะม่วงในระยะ ตัวอ่อนกระเด็นออกจากช่อดอกได้ต้องระมัดระวัง อย่าให้กระแทกดอกมะม่วงแรงเกินไป เพราะอาจทำ ให้ดอกหรือผลที่เริ่มติดร่วงได้ ๕. ใช้กับดักแสงไฟ ดักตัวเต็มวัยที่บินมาเล่นไฟ
ที่มา: สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร