"เตือนเกษตรกรระวังเพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว ช่วงวันที่ 25 - 31 มี.ค. 63" เนื่องจากสภาพอากาศแดดแรง

วันที่บันทึก 2020-03-24 10:30:00.000 ชื่อผู้บันทึก Chayanan Sira-thawiphong

เนื่องจากสภาพอากาศแดดแรง อากาศร้อนตลอดวัน ส่งผลกระทบให้เกิดโรคและแมลงศัตรูพืชในพริก ปัญหาที่ควรระวังในพริกช่วงการเก็บเกี่ยว ดังนี้ เพลี้ยอ่อน อาการที่พบ ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยง จากใบและยอด การทำลายของเพลี้ยอ่อน ในพริกจะทำให้ใบบิดเป็นคลื่น ทำให้ต้น พริกชะงักการเจริญเติบโต และยังเป็น พาหะนำเชื้อไวรัส ทำให้เกิดโรคใบด่าง ในพริก มักระบาดในช่วงอากาศแห้งแล้ง

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

1. การใช้วิธีเขตกรรม เช่น กำจัดวัชพืชในบริเวณ แปลงปลูก

2. ถ้าพบเพลี้ยอ่อนมีความหนาแน่น 10-20 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ใบทั้งต้นจากจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ ของต้นทั้งหมด ให้พ่นสารฆ่าแมลง ได้แก่ อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิ โพรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อีโทเฟนพร็อกซ์ 20% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร อย่างใดอย่างหนึ่ง 

แมลงหวี่ขาว อาการที่พบ ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณ ใบ และเป็นพาหะนำโรคที่เกิดจากไวรัส ทำให้ใบพริกหงิก ซีดด่าง หรือใบหงิก เหลือง ยอดไม่เจริญ และต้นพริกไม่สมบูรณ์ ผลพริกที่ได้ไม่มีคุณภาพ

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

ใช้สารฆ่าแมลง อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา ๔๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร หรือ ฟิโพรนิล ๕% เอสซี อัตรา ๔๐ มิลลิลิตรต่อน้ำ ๒๐ ลิตร พ่นซ้ำตามการระบาด

โรคที่มีสาเหตุ จากไวรัส

โรคที่มีสาเหตุจากไวรัส ที่สำคัญของพริก ได้แก่

1. โรคใบด่าง อาการที่พบ พบต้นพริกเตี้ย แคระแกร็น ใบมีอาการ ด่างสีเขียวเข้มสลับสีเขียวอ่อน บิดเบี้ยว ผิดรูปร่างและลดขนาดเรียวเล็กลง อาจพบ จุดแผลตายเฉพาะแห่งสีน้ำตาลบนใบ ดอก หลุดร่วงง่าย ผลมีผิวขรุขระ ขนาดเล็กลง และอาจพบอาการด่างบนผลพริก

2. โรคเส้นใบด่างประ อาการที่พบ พบอาการใบด่างสีเขียว หรือเหลืองสลับ เขียวเข้ม และมีขีดหรือจุดประสีเขียวเข้ม ตามเส้นกลางใบ ใบลดรูปมีขนาดเล็กลง และบิดเบี้ยว ถ้าเชื้อเข้าทำลายในระยะ ต้นกล้า ต้นจะแคระแกร็น แตกกิ่ง ด้านข้างลดลง ติดดอกน้อยลง ดอกร่วง ก่อนติดผล หากติดผลผลจะมีขนาดเล็ก ด่างและบิดเบี้ยว

3. โรคใบหงิกเหลือง อาการที่พบ พบอาการใบด่างเหลือง เป็นขีดหรือ หย่อมโปร่งแสงระหว่างเส้นใบ บางครั้งเส้นใบย่อยมีสีเหลืองและสานเป็นร่างแห บริเวณโคนใบ ใบโค้งงอ หงิกย่น บิดเบี้ยว ยอดเป็นกระจุก ต้นแคระแกร็น ผลพริก ด่าง บิดเบี้ยว และมีขนาดเล็กผิดปกติ

แนวทางป้องกัน/แก้ไข

1. ใช้พันธุ์พริกที่ต้านทานโรค

2. ไม่นำผลพริกจากต้นที่เป็นโรค มาเพาะ ขยายพันธุ์

3. ควรเพาะกล้าพริกในมุ้งกันแมลง และคัดเลือก กล้าพริกที่แข็งแรงและไม่เป็นโรคมาปลูก

4. หมั่นตรวจแปลงปลูก หากพบพริกที่แสดง อาการของโรคให้ถอนและนำไปทำลาย หรือฝังดิน นอกแปลงทันที

5. หมั่นกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูก เพื่อลดแหล่งสะสมของเชื้อไวรัสและแมลงพาหะ เช่น สาบแร้งสาบกา กะเม็ง หญ้ายาง และกระทกรก

6. ไม่ปลูกพืชหมุนเวียนที่เป็นพืชอาศัยของเชื้อ ไวรัส เช่น มะเขือต่างๆ ยาสูบ แตงกวา ฟักทอง บวบเหลี่ยม และ มะระจีน

7. ไวรัสสาเหตุโรคพืช ยังไม่มีสารป้องกันกำจัด โดยตรง แต่ป้องกันการระบาดของโรคได้ โดยพ่น สารกำจัดแมลงพาหะนำโรค ดังนี้

- แมลงหวี่ขาว ได้แก่ อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

- เพลี้ยอ่อน ได้แก่ อิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล ัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟู แรน 10% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อีโทเฟนพร็อกซ์ 20% อีซี อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

ที่มา: กรมวิชาการเกษตร